ลัทธิถวายตัวเพชรบูรณ์ กลายเป็นข่าวครึกโครมสะเทือนวงการศาสนาไทย เมื่อมีการเปิดโปงพฤติกรรมอันเลวร้ายของอดีตพระสงฆ์รูปหนึ่งในจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ใช้ความศรัทธาของผู้คนเป็นเครื่องมือล่อลวง บิดเบือนคำสอนทางศาสนา เพื่อกอบโกยผลประโยชน์และสนองความต้องการทางเพศ
อดีตพระสงฆ์รูปนี้ อ้างวิชาไสยศาสตร์ หลอกลวงผู้คนว่าสามารถเสริมดวง ชะตาชีวิต โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็กสาว เหยื่อของเขามักตกเป็นเหยื่อเพราะความเชื่อ อ่อนประสบการณ์ หรือต้องการที่พึ่งทางใจ
กลวิธีของอดีตพระสงฆ์
- พูดจาโน้มน้าวเกลี้ยกล่อม สร้างความศรัทธา
- อ้างอิทธิพลเหนือธรรมชาติ
- หลอกให้ผู้หญิงและเด็กสาว “ถวายตัว” บูชาตน
- ล่วงละเมิดทางเพศ
- ข่มขู่คุกคามผู้เสียหาย
เหยื่อของลัทธิ
- สูญเสียทั้งร่างกายและจิตใจ
- บางรายถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว
- หวาดกลัวจนไม่กล้าบอกใคร
การเปิดโปงลัทธิ
- ญาติของเหยื่อเริ่มสงสัย
- มีการร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่
- สื่อมวลชนนำเสนอข่าว
ผลที่ตามมา ส่งผลให้อดีตพระสงฆ์รูปดังกล่าวถูกจับสึก ถูกดำเนินคดีอาญาในข้อหาพรากผู้เยาว์กระทำอนาจาร และข่มขืนกระทำชำเรา สำนักสงฆ์ที่ใช้ประกอบพิธีกรรมถูกปิดถาวร
เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงหลายแง่มุม:
- ด้านมืดของสังคม: ยังมีบุคคลที่ฉวยโอกาสใช้ศาสนาเพื่อกอบโกยผลประโยชน์ สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น
- ปัญหาการขาดแคลนความรู้: เหยื่อของลัทธิมักขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับศาสนา
- ช่องโหว่ของกฎหมาย: กฎหมายไทยยังมีช่องโหว่ที่ทำให้มิจฉาชีพสามารถลอยนวล
- ความอ่อนแอของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง: หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังขาดการบูรณาการและความเข้มงวดในการตรวจสอบ
ลัทธิถวายตัวเพชรบูรณ์ เป็นอุทาหรณ์ที่ควรตระหนักไว้ว่า แม้แต่ในร่มผ้าเหลืองก็อาจมีมิจฉาชีพแฝงตัวอยู่ ประชาชนควรใช้วิจารณญาณ ศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ และกล้าที่จะแจ้งเบาะแสหากพบเห็นสิ่งผิดปกติ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเข้มงวดกวดขันกับบุคคลที่แอบอ้างศาสนา ให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับอันตรายของลัทธิ ส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม สนับสนุนให้เหยื่อกล้าที่จะแจ้งความ พัฒนากฎหมายและกลไกการตรวจสอบให้มีประสิทธิภาพ
เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เกิดขึ้นอีก และรักษาภาพลักษณ์ของพระพุทธศาสนา
นอกจากนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวยัง สร้างความเสียหายต่อวงการสงฆ์ ส่งผลต่อความศรัทธาของประชาชนต่อศาสนาตอกย้ำถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม เหตุการณ์นี้จึงเป็นบทเรียนราคาแพงที่สังคมไทยต้องร่วมมือกันแก้ไข